การทำเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับมือใหม่แล้วอาจมีบางจุดที่มักจะมองข้ามหรือทำผิดพลาดได้ง่ายๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ ในบทความนี้ ผมจะพาทุกคนไปดู 10 ข้อผิดพลาดที่คนทำเว็บไซต์มือใหม่มักพลาด พร้อมกับวิธีแก้ไขแบบง่ายๆ ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับ SEO มากขึ้น!
1. ไม่วางแผนโครงสร้างเว็บไซต์ให้ชัดเจน
การวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์เป็นขั้นตอนสำคัญที่มักถูกละเลยโดยมือใหม่ ทำให้เนื้อหาดูไม่เป็นระบบและยากต่อการนำทาง ส่งผลต่อทั้งประสบการณ์ผู้ใช้และประสิทธิภาพของเว็บไซต์ มาดูกันว่าข้อผิดพลาดนี้ส่งผลอย่างไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรให้เว็บไซต์ของคุณมีความเป็นระเบียบและใช้งานง่ายขึ้น
ข้อผิดพลาด:
หลายคนเริ่มทำเว็บไซต์โดยไม่มีการวางแผนโครงสร้างที่ดี ทำให้เนื้อหาดูซับซ้อน สับสน ไม่เป็นระเบียบ และยากต่อการนำทาง
วิธีแก้ไข:
ควรวางแผนโครงสร้างก่อนเริ่มทำ ควรกำหนดว่าหน้าไหนจะเชื่อมต่อกับหน้าใด มีหมวดหมู่เนื้อหาหรือบทความที่สอดคล้องกันหรือไม่ แนะนำให้ทำเป็นผังเว็บไซต์ (Site Map) เพื่อความชัดเจนทั้งตัวเองและผู้ใช้
บทความแนะนำ : Sitemap คืออะไร การวางโครงสร้างเว็บไซต์ทำไมถึงสำคัญ
2. ขาดความสนใจในการออกแบบที่สอดคล้องกับแบรนด์
การออกแบบเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ต้องสะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ด้วย การเลือกเทมเพลตหรือสไตล์ที่ไม่ตรงกับแบรนด์อาจทำให้ลูกค้าจำแบรนด์ไม่ได้ และไม่สามารถเชื่อมโยงธุรกิจกับเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจน มาดูกันว่าข้อผิดพลาดนี้มีผลยังไง และวิธีแก้ไขเพื่อให้เว็บไซต์สื่อถึงแบรนด์ของคุณมากที่สุด
ข้อผิดพลาด:
การเลือกเทมเพลตหรือการออกแบบที่ไม่เข้ากับแบรนด์ของธุรกิจ อาจทำให้เว็บไซต์ขาดเอกลักษณ์และความโดดเด่น ส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถจดจำหรือเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณได้
วิธีแก้ไข:
เลือกเทมเพลตหรือสไตล์ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของธุรกิจ เน้นการใช้สี ฟอนต์ และกราฟิกที่สอดคล้องกับแบรนด์ และสร้างบรรยากาศที่ชัดเจนที่แสดงถึงตัวตนของธุรกิจ
3. ขาดความสำคัญต่อการทำ SEO
SEO เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกพบได้ง่ายขึ้นบน Google แต่หลายคนมักมองข้ามการปรับแต่ง SEO ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ไม่ติดอันดับที่ดี มาดูกันว่า SEO สำคัญอย่างไร และวิธีปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอันดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อผิดพลาด:
มือใหม่หลายคนอาจละเลยการปรับแต่ง SEO ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของ Google และดึงดูดผู้เข้าชมได้
วิธีแก้ไข:
ศึกษาหลักการ SEO เบื้องต้น เช่น การใช้คีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ เช่น หัวข้อบทความ (Title), Meta Description, หัวข้อย่อย (H1, H2) และการตั้งชื่อไฟล์รูปภาพ เพื่อช่วยเพิ่มการค้นหาและอันดับเว็บไซต์
อ่านเพิ่มเติมการทำ SEO ได้ที่นี่: คลิ๊ก
4. โหลดเว็บไซต์ช้า
เวลาโหลดของเว็บไซต์มีผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของผู้ใช้ หากเว็บไซต์โหลดช้า ผู้ใช้อาจไม่รอและออกไปจากหน้าเว็บทันที ทำให้เสียทั้งโอกาสในการนำเสนอเนื้อหาและอันดับ SEO มาดูกันว่าปัญหาเว็บไซต์โหลดช้ามีผลยังไง และวิธีแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโหลด
ข้อผิดพลาด:
เว็บไซต์ที่มีเวลาโหลดนาน มักทำให้ผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์ไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) และอันดับ SEO อย่างมาก
วิธีแก้ไข:
ลดขนาดไฟล์ภาพ ใช้ไฟล์รูปภาพที่มีความละเอียดเหมาะสม (ไม่ต้องใหญ่เกินไป) และใช้การบีบอัดภาพ หากใช้ WordPress แนะนำให้ติดตั้งปลั๊กอินช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการโหลด เช่น WP Super Cache หรือ LiteSpeed Cache
5. ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-Friendly)
ในยุคที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เข้าถึงเว็บไซต์ผ่านมือถือ การที่เว็บไซต์ไม่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่จะทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้ลดลงอย่างมาก และส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง มาดูกันว่าการทำเว็บไซต์ให้ Mobile-Friendly นั้นสำคัญอย่างไร และวิธีแก้ไขปัญหานี้คืออะไร
ข้อผิดพลาด:
ปัจจุบันผู้ใช้ส่วนใหญ่มักเข้าชมเว็บไซต์ผ่านมือถือ หากเว็บไซต์ของคุณไม่รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Responsive) อาจทำให้ประสบการณ์การใช้งานลดลง และอันดับ SEO ก็จะต่ำลงตามไปด้วย
วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบว่าเทมเพลตหรือธีมที่ใช้อยู่รองรับการใช้งานบนมือถือหรือไม่ และทดสอบการแสดงผลบนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานบนมือถือ
6. ไม่มีการวิเคราะห์ผู้ใช้งาน (Analytics)
การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์มากขึ้น หากไม่มีเครื่องมือในการเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้ เช่น Google Analytics เราอาจไม่รู้ว่าผู้ใช้งานเข้ามาจากที่ไหนหรือใช้งานเว็บไซต์อย่างไร มาดูกันว่าทำไมการวิเคราะห์นี้ถึงสำคัญและวิธีการแก้ไขคืออะไร
ข้อผิดพลาด:
การทำเว็บไซต์โดยไม่ติดตั้งเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics ทำให้คุณไม่รู้ว่าผู้ใช้งานเข้ามาจากที่ไหน ใช้เวลาอยู่บนหน้าใดบ้าง หรือสิ่งใดที่ดึงดูดผู้ใช้มากที่สุด
วิธีแก้ไข:
ติดตั้งเครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Google Analytics, Search Console เพื่อรวบรวมข้อมูลการใช้งาน และนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์มากขึ้น
7. เนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
เนื้อหาที่ไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน หรือขาดคุณภาพ อาจทำให้ผู้เข้าชมไม่สนใจเว็บไซต์และรู้สึกไม่ประทับใจ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่าการสร้างเนื้อหาที่ดีมีผลอย่างไร และเราควรแก้ไขปัญหานี้อย่างไรบ้าง
ข้อผิดพลาด:
บางครั้งคนทำเว็บไซต์เน้นการใส่เนื้อหาเยอะเกินไป โดยไม่สนใจว่าเนื้อหานั้นจะมีคุณภาพหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกไม่ประทับใจ หรือไม่ตรงกับความต้องการของพวกเขา
วิธีแก้ไข:
สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ให้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และใช้คำที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ทั้งยังควรใส่คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มการค้นหาผ่าน Google
8. การใช้ URL ที่ไม่เป็นมิตรกับ SEO
URL ที่ดีไม่ควรยาวเกินไปหรือไม่บอกเนื้อหาของหน้าเว็บ เพราะจะทำให้ทั้งผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาไม่เข้าใจว่าเนื้อหาของหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร มาดูกันว่าการตั้งชื่อ URL อย่างเหมาะสมมีผลดีต่อ SEO อย่างไร และวิธีแก้ไขการใช้ URL ให้ถูกต้องคืออะไร
ข้อผิดพลาด:
การตั้งชื่อ URL ที่ยาวเกินไป หรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา เช่น “www.yourwebsite.com/page12345” ซึ่งไม่บอกให้ผู้ใช้รู้เลยว่าเนื้อหาหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร
วิธีแก้ไข:
ตั้งชื่อ URL ให้สั้น และมีความหมาย สะท้อนเนื้อหาของหน้าเว็บนั้นๆ เช่น “www.yourwebsite.com/about-us” หรือ “www.yourwebsite.com/SEO-tips” นอกจากนี้ยังควรใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องใน URL ด้วย
9. ไม่ใส่ใจในเรื่องความปลอดภัย
ความปลอดภัยของเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ หากไม่มีการรักษาความปลอดภัย เช่น SSL Certificate อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่น่าเชื่อถือและเสี่ยงต่อการโจมตี มาดูกันว่าการรักษาความปลอดภัยมีความสำคัญอย่างไร และวิธีการแก้ไขคืออะไรฤ
ข้อผิดพลาด:
เว็บไซต์ที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัย เช่น ไม่มีการใช้ SSL Certificate อาจทำให้ข้อมูลของผู้ใช้ถูกโจรกรรมได้ง่าย และทำให้เว็บไซต์ไม่น่าเชื่อถือ
วิธีแก้ไข:
ติดตั้ง SSL Certificate เพื่อป้องกันการโจมตีและเพิ่มความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล ตรวจสอบว่าเว็บโฮสติ้งมีการสนับสนุน SSL หรือไม่ และใช้ HTTPS แทน HTTP เพื่อความปลอดภัย
10. ขาดการอัพเดตเนื้อหาและข้อมูลเว็บไซต์
การอัพเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจ หากเว็บไซต์ไม่ได้รับการอัพเดตเป็นเวลานาน อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าเว็บไซต์ไม่มีความเป็นปัจจุบันและไม่น่าสนใจ มาดูกันว่าการอัพเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอมีผลอย่างไรและวิธีแก้ไขคืออะไร
ข้อผิดพลาด:
เว็บไซต์ที่ไม่มีการอัพเดตเนื้อหาหรือข้อมูลเป็นเวลานาน อาจทำให้ผู้ใช้มองว่าเว็บไซต์ไม่น่าสนใจและไม่มีความเป็นปัจจุบัน
วิธีแก้ไข:
ควรอัพเดตเนื้อหาใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นบทความ ข่าวสาร หรือการปรับปรุงข้อมูลสินค้า เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่สดใหม่ และทำให้เว็บไซต์ดูมีชีวิตชีวา น่าสนใจมากขึ้น
บทความแนะนำ : เคยสงสัยไหม? การอัพเดทเนื้อหา ความถี่ในการโพสต์บทความ คือเท่าไหร่?
เมื่อคุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้ เว็บไซต์ของคุณก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งาน การออกแบบ หรือการทำ SEO ทั้งนี้ หนูแนะนำให้ทำตามวิธีแก้ไขที่แนะนำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เว็บไซต์ของท่านกั๊กพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านความพึงพอใจของผู้ใช้งานและอันดับบนเครื่องมือค้นหา!