ESBI: เครื่องมือสำคัญก้าวสู่ Passive Income ที่เรียกว่า เว็บไซต์

ESBI: เครื่องมือสำคัญก้าวสู่ Passive Income ที่เรียกว่า เว็บไซต์

ในหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ของ Robert T. Kiyosaki หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจมาก นั่นก็คือคือกรอบ ESBI ซึ่งย่อมาจาก Employee (ลูกจ้าง), Self-Employed (ธุรกิจส่วนตัว), Business Owner (เจ้าของธุรกิจ), และ Investor (นักลงทุน) ซึ่งการจะก้าวข้ามไปสู่ Invester นั้นยากมากๆ และผู้ที่เป็น Invester นั้นเปรียบเสมือนผู้ที่มีอิสระภาพทางการเงินอย่างมั่นคง นั่นหมายความว่า พวกเขาเหล่านี้มีเงินใช้โดยที่ไม่ต้องทำงานเลย

Robert T.Kiyasaki ได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ที่บ่งบอกได้ว่า กลุ่มไหนจะเป็นคนรวย และกลุ่มไหนจะไม่มีวันรวย!

นั่นคือกลุ่ม Active Income และ Passive Income

  • Active Income: กลุ่มนี้จะมีลูกจ้างและธุรกิจส่วนตัว เป็นกลุ่มที่ต้องทำงาน Active เพื่อให้ได้เงินมา หากไม่แอคทีฟแล้ว ก็จะไม่รอด หมายความว่าคนกลุ่มนี้จะหยุดทำงานไม่ได้เลย
  • Passive Income: กลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่มีจำนวนน้อยมากบนโลก เป็นกลุ่มที่ชีวิตดี มีเงินใช้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป ไม่ทำงานก็ยังมีเงินใช้อยู๋ตลอด

หากเป็นคุณ คุณอยากอยู่ในกลุ่มไหน?

แน่นอนว่าทุกคนอยากอยู่ในกลุ่ม Passive Income กันแน่นอนแหละ ไม่มีใครอยากทำงานไปตลอดชีวิตหรอก?

แต่สิ่งสำคัญอย่างนึงที่ทำให้คุณก้าวสู่ในกลุ่มนี้ได้ มันเรียกว่า “เครื่องมือ” แล้วเครื่องมืออะไรหล่ะ ที่มันนำพาให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจได้? แต่ก่อนจะบอก มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ESBI ที่ว่านั้นหมายถึงอะไรบ้าง

ESBI: เครื่องมือสำคัญก้าวสู่ Passive Income ที่เรียกว่า เว็บไซต์

Employee (ลูกจ้าง)

นี่คือกลุ่มเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางฐานะ ลูกจ้างคือผู้ที่ทำงานให้กับผู้อื่นและได้รับเงินเดือนเป็นการตอบแทน ลูกจ้างมักจะมีความมั่นคงในการรับรายได้ แต่มักจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและโอกาสในการเติบโตทางการเงิน การเป็นลูกจ้างเน้นความมั่นคงในงานและรายได้ที่แน่นอน แต่ไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิต และไม่สามารถหยุดทำงานได้ ผู้ที่อยู่กลุ่มนี้ คือกลุ่มคนที่กำลังทำงานเพื่อให้ Business Owner (เจ้าของธุรกิจ) ร่ำรวย

Self-Employed (ธุรกิจส่วนตัว)

ผู้ที่มีธุรกิจส่วนตัวคือผู้ที่ทำงานให้กับตัวเอง เช่น นักกฎหมาย, หมอ, ช่างภาพ, พ่อค้าแม่ค้า หรือฟรีแลนซ์ การทำธุรกิจส่วนตัวให้ความยืดหยุ่นในการทำงานและมีโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าและต้องรับผิดชอบทั้งหมดในการบริหารจัดการธุรกิจ และไม่สามารถหยุดทำงานได้ คนกลุ่มนี้มีอิสระภาพมากกว่าลูกจ้าง แต่ก็ต้องทำงานเหมือนลูกจ้างอยู่ดี หยุดทำงานก็ตาย ผู้ที่อยู่กลุ่มนี้ คือกลุ่มคนที่กำลังทำงานเพื่อให้ Investor (นักลงทุน) ร่ำรวย ยกตัวอย่าง แม่ค้าตลาดนัด แม่ค้าทำงานเพื่อจ่ายค่าที่ขายให้เจ้าของตลาด เป็นต้น

Business Owner (เจ้าของระบบ)

เจ้าของระบบคือผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการและมีทีมงานทำงานให้โดยการวางระบบให้ระบบทำงานและทำเงินให้กับเจ้าของ การเป็นเจ้าของกิจการ (เจ้าของระบบ) หมายความว่ามีโอกาสในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้นและสามารถขยายธุรกิจได้โดยไม่ต้องทำงานเองทุกวัน เจ้าของกิจการสามารถใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนาและขยายธุรกิจได้ ถึงแม้ว่าจะบางวันหรือทั้งเดือนไม่ทำงานเลย ก็ยังไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการเงิน เพราะมีลูกจ้างทำงานให้ตลอดเวลา

อ้าว!! ธุรกิจส่วนตัว ร้านอาหารของฉันก็มีลูกน้องมีลูกจ้าง ลูกน้องก็ทำงานให้ฉัน ฉันก็อยู่ในกลุ่มนี้สิ!

ผมขออธิบายง่ายๆแบบนี้ครับ ตราบใดที่คุณยังไม่สามารถหายตัวไปได้เป็นเดือนเป็นปี ยังต้องบริหารจัดการสิ่งต่างๆอยู่ ก็ยังคงเป็นรูปแบบ Active Income อยู่ดีครับ ก็ยังคงอยู่ในกลุ่ม Self-Employed อยู่ดี หากธุรกิจของคุณยังไม่มีโครงสร้างระบบที่ใช้เงินทำงานให้คุณได้ ไม่ได้มีมีเครือข่ายผู้บริโภค ระบบ หรือมีแพลตฟอร์มของตัวเอง ก็ยังคงเป็นในกลุ่ม S อยู่ดีครับ

Investor (นักลงทุน)

นักลงทุนคือผู้ที่นำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินหรือธุรกิจเพื่อสร้างรายได้จากการลงทุน การเป็นนักลงทุนต้องมีความรู้และทักษะในการวิเคราะห์และตัดสินใจทางการเงิน นักลงทุนสามารถสร้างรายได้แบบ passive income และมีโอกาสในการเติบโตทางการเงินสูงสุด แต่การจะได้ Passive income นั้นต้องมีเงินลงทุนมหาศาล เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนเป็น Passive Income ยกตัวอย่างเช่น เป็นเจ้าของอสังหาฯ ต่างๆเช่น ห้างสรรพสินค้า คอนโด อะพาร์ทเม้นท์ ลานจอดรถ เป็นต้น ซึ่งคนกลุ่มนี้มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว หมายความว่า ไม่ต้องทำงานก็ได้ ก็มีเงินใช้ในทุกๆวัน มีเวลาให้กับชีวิตอย่างสมบูรณ์

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อยากมี Passive Income กันใช่ไหมหล่ะ และเครื่องมือที่สำคัญที่สุด เป็นเครื่องมือที่ต้องมีในการก้าวสู่กลุ่ม Passive Income นั้นก็คือ…”เว็บไซต์” นั่นเอง!

ESBI: การใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือก้าวสู่ Passive Income

เว็บไซต์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าออนไลน์ การให้บริการ การทำ Affiliate Marketing หรือการสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดผู้ชม การใช้เว็บไซต์ในการสร้างรายได้สามารถสอดคล้องกับกรอบแนวคิด ESBI ได้อย่างลงตัว และพัฒนาไปตามสเต็ปขั้น หากท่านยังคงอยู่ในกลุ่ม Active Income อยู่หล่ะก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือนี้

ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า เราจะใช้เครื่องมือนี้ในการก้าวสู่ Passive Income ได้อย่างไร?

  • Employee: ใช้เว็บไซต์เพื่อหางานที่ดีกว่าเดิม หรือเป็นเว็บรวมรวมพอร์ตผลงานที่ผ่านมาเพื่อเป็นข้อมูลรายละเอียดที่สำคัญในการพิจารณาของบริษัทที่มีชื่อเสียง เมื่อคุณมีเงินเดือนที่มากขึ้นแล้ว เงินเหลือจากรายจ่าย เป็นเงินเก็บออม เมื่อมีมากพอแล้วก็สามารถนำไปลงทุน หรือ ก่อตั้งบริษัทเป็น Business Owner ขนาดเล็กได้
  • Self-Employed: กลุ่มนี้ยิ่งต้องใช้เครื่องมือเว็บไซต์โดยอย่างยิ่ง หากคุณเป็นพ่อค้าแม่ขายออนไลน์ ฟรีแลนซ์ รับงาน ขายของ ยุคสมัยนี้ยังไงก็ต้องออนไลน์ครับ เพื่อให้สินค้าของคุณขายได้ และแน่นอนว่าวันนึงคุณร่ำรวยจากการใช้เครื่องมือนี้แล้ว สามารถนำเงินมาต่อยอดสร้างธุรกิจขนาดย่อม Business Owner ได้เลยค่อยๆเพิ่มลูกน้องไปเรื่อยๆ และแบ่งเงินมาลงทุนในอสังหาฯ กองทุน หรือหุ้นบ้าง
  • Business Owner: หากคุณเป็นเจ้าของกิจการแล้ว แน่นอนว่าเป้าหมายของคุณคงไม่พ้นเรื่องการสร้างเงินจำนวนมหาศาลและเป็นชนชั้นนำของสังคม ธุรกิจของคุณต้องมี”แพลตฟอร์ม”ของตัวเอง ก็ยังคงต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “เว็บไซต์” อีกอยู่ดี
  • Investor: หากคุณมีทรัพย์สินที่ทำเงินเป็น Passive Income เป็นจำนวนมากได้แล้ว คงไม่ต้องใช้เครื่องมือนี้แล้วก็ได้มั้งครับ ชีวิตคุณประสบความสำเร็จสูงสุดแล้ว ยินดีด้วยครับกับท่านที่มาถึงจุดนี้ได้

การประยุกต์ใช้กรอบแนวคิด ESBI กับการสร้างรายได้ผ่านเว็บไซต์จะช่วยให้ท่านสามารถพัฒนาตนเองและธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวครับ

หากคุณมองหาผู้ทำเว็บไซต์สร้างเครื่องมือสำคัญเป็นกุญแจสู่ Passive Income แล้วหล่ะก็ ให้ Makewebforyou ดูแลคุณสิครับ

Makewebforyou Logo Light

MAKE WEB FORYOU

ทำเว็บไซต์ เพื่อคุณ

เว็บไซต์นี้บันทึกคุกกี้ เพื่อประสบการณ์ท่องเว็บไซต์ที่รวดเร็ว